ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนชาวอุดรธานี จัดพิธีสรงน้ำพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
ที่ศาลาบุญสิงห์ วัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ ( 25 ต.ค.56 ) จังหวัดอุดรธานี ได้จัดให้มีพิธีสรงน้ำพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดยมีพระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ฝ่ายธรรมยุต) ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์พระอารามหลวงอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ สามเณร ร่วมสักการะและสรงน้ำพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก และนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ อัยการ ทหาร ตำรวจ พลเรือนและพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ร่วมสักการะและร่วมสรงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพะสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เพื่อเป็นการร่วมไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน ตามที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร ประชวร และเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นต้นมา ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษรายานว่าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้สินพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 เวลา 19.30 น. สาเหตุเนื่องจากการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ( เจริญ สุวฑฺฒนมหาเถระ ปธ.9) สมเด็จพระสังฆราพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นบุตรคนที่ 1 ในจำนวนบุตร 3 คน ของนายน้อย และนางกิมน้อย คชวัตร เกิดที่บ้านวัดเหนือ ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2456 เวลา 04.00 น.เศษ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อชนมายุได้ 8 ขวบ ได้เข้าศึกษาชั้นปฐม ณ โรงเรียนประชาบาลวัดเทวสังฆาราม จนจบชั้นประถม 3 ครั้นถึง ปีพุทธศักราช 2469 มีชนมายุย่างเข้าปีที่ 14 จึงได้เข้ารับบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทวสังฆาราม โดยมีพระครูอดุลสมณกิจ (ดี พุทธโชติ) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อออกพรรษาแล้วได้ไปศึกษาวิชาบาลีไวยากรณ์ที่วัดเสนหา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน ปีพุทธศักราช 2499 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระราชอุปัธยาจารย์ ทรงเลือกสมเด็จฯ เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในระหว่างที่ทรงผนวช และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมวราภรณ์ รักษาการพระวินัยธรชั้นฎีกา ปีพุทธศักราช 2504 เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อจากพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) ปีพุทธศักราช 2515 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร ปีพุทธศักราช 2532 ( 21 เม.ย.32 )ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก"
ที่ศาลาบุญสิงห์ วัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ ( 25 ต.ค.56 ) จังหวัดอุดรธานี ได้จัดให้มีพิธีสรงน้ำพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดยมีพระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ฝ่ายธรรมยุต) ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์พระอารามหลวงอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ สามเณร ร่วมสักการะและสรงน้ำพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก และนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ อัยการ ทหาร ตำรวจ พลเรือนและพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ร่วมสักการะและร่วมสรงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพะสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เพื่อเป็นการร่วมไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน ตามที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร ประชวร และเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นต้นมา ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษรายานว่าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้สินพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 เวลา 19.30 น. สาเหตุเนื่องจากการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ( เจริญ สุวฑฺฒนมหาเถระ ปธ.9) สมเด็จพระสังฆราพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นบุตรคนที่ 1 ในจำนวนบุตร 3 คน ของนายน้อย และนางกิมน้อย คชวัตร เกิดที่บ้านวัดเหนือ ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2456 เวลา 04.00 น.เศษ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อชนมายุได้ 8 ขวบ ได้เข้าศึกษาชั้นปฐม ณ โรงเรียนประชาบาลวัดเทวสังฆาราม จนจบชั้นประถม 3 ครั้นถึง ปีพุทธศักราช 2469 มีชนมายุย่างเข้าปีที่ 14 จึงได้เข้ารับบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทวสังฆาราม โดยมีพระครูอดุลสมณกิจ (ดี พุทธโชติ) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อออกพรรษาแล้วได้ไปศึกษาวิชาบาลีไวยากรณ์ที่วัดเสนหา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน ปีพุทธศักราช 2499 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระราชอุปัธยาจารย์ ทรงเลือกสมเด็จฯ เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในระหว่างที่ทรงผนวช และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมวราภรณ์ รักษาการพระวินัยธรชั้นฎีกา ปีพุทธศักราช 2504 เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อจากพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) ปีพุทธศักราช 2515 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร ปีพุทธศักราช 2532 ( 21 เม.ย.32 )ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก"
ทีมข่าว ส.ปชส.อด.
ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น