วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คณะ กรอ.ระดับจังหวัดศรีสะเกษ เร่งผลักดันเปิดจุดผ่อนปรนปราสาทพระวิหาร การใช้หนังสือผ่านแดน และเสนอให้จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เป็นจุดผ่านแดนตามความตกลง

คณะ กรอ.ระดับจังหวัดศรีสะเกษ เร่งผลักดันเปิดจุดผ่อนปรนปราสาทพระวิหาร การใช้หนังสือผ่านแดน และเสนอให้จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เป็นจุดผ่านแดนตามความตกลง

จังหวัดศรีสะเกษ   โดย คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด (กรอ.)  ร่วมประชุม เพื่อพิจารณา การขอความเห็นชอบเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าและการท่องเที่ยวปราสาทพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ   การใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราว(Temporary  Border  Pass) หละหนังสือผ่านแดนอิเล็คทอนิกส์(E-Border Pass)  และการเสนอให้จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ เป็นจุดผ่านแดนตามความตกลง/บันทึกความเข้าใจด้านการขนส่งทางถนน ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา

วันนี้ (6 พฤษภาคม 2557)  ณ  ห้องประชุมสระกำแพงใหญ่ ชั้น 4  ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ  นายประทีป  กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด(กรอ.)  โดยมีคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด(กรอ.) ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้มีคำสั่งแต่งตั้งแล้วนั้น เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และให้ข้อเสนอแนะแก่คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ(ก.บ.จ.) ในการพัฒนาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน  และการท่องเที่ยวของจังหวัด และเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อดีและข้อเสียประกอบการชี้แจงการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาต่อสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ต่อไป ประกอบด้วย  การขอความเห็นชอบเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าและการท่องเที่ยวปราสาทพระวิหาร  ตำบลเสาธงชัย  อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัด   ศรีสะเกษ,   การใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราว(Temporary  Border  Pass) หละหนังสือผ่านแดนอิเล็คทอนิกส์(E-Border Pass),  และการเสนอให้จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ เป็นจุดผ่านแดนตามความตกลง/บันทึกความเข้าใจด้านการขนส่งทางถนน ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา




สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์  สร้อยเพชร / ข่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น