ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิสั่งรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับ
โรงสี หลังพบหลักฐานปลอมแปลงเอกสาร
ขนย้ายข้าวในโกงดังไปสวมสิทธิ์จำนำอีกรอบ
แถมกล้องวงจรปิดถูกลบข้อมูลอีกด้วย
ภายหลักเรียกประชุมด่วนกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิต ปี2555/56
นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบการทุจริตของโรงสีแห่งหนึ่ง
ที่เข้าร่วมโครงการจำนำข้าว ตั้งอยู่ในพื้นอำเภอบ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
มีการปลอมแปลงเอกสาร ลายเซ็นต์จนท.อคส.
รับรองออกใบประทวนเวียนเทียนสวมสิทธิ์ชาวนาที่มีใบประทวนแต่ไม่มีข้าวในมือ
ในพื้นที่จำนวนมาก และลักลอบขนข้าวในโกดังออกมาขายใช้ชาวนากิโลกรัมละ 11
บาท หรือตันละ 11,000 บาท
เพื่อนำกลับมาสวมสิทธิ์ใบประทวนได้ราคาเพิ่มอีกสูงกว่า กิโลกรัมละ 15 บาท
หรือ ตันละ 15,000 บาท ล่าสุดเจ้าหน้าที่
อคส.ได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว
พร้อมเร่งรวบรวมหลักฐาน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น
พบพฤติกรรมส่อไปในทางกระทำผิด จากนี้ไปชุดตรวจสอบของจังหวัด
ได้ร่วมมือกับตำรวจชุดเฉพาะกิจ จะลงไปตรวจสอบ เพื่อหาหลักฐานพยาน
ดำเนินคดีกับโรงสีดังกล่าว
ในชั้นนี้ได้สั่งปิดการรับจำนำข้าวของโรงสีแห่งนี้เอาไว้แล้ว
เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโครงการอีก
สืบหาสาเหตุการหายไปของข้าวในโกดัง สาเหตุของการลบข้อมูลในกล้องวงจรปิด
และการปลอมแปลงเอกสาร งานนี้ถ้าพบหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร
ตั้งแต่เรื่องการออกใบรับรองเกษตรกร ไปจนถึงการขนข้าวไปขาย
ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งเกษตรกรเจ้าของใบรับรองด้วย
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก
ส่วนการดำเนินการหลังจาก ครม.มีมติ ปรับราคารับจำนำปีการผลิต 2555/56
จากเดิม 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 12,000 บาท จะมีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 30
มิ.ย. 56 นั้น ยังไม่มีผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่มากนัก ซึ่งทางจ.ชัยภูมิ
ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จัดชุดลงไปสร้างความรู้ ความเข้าใจกับเกษตรกร และผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน
อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เข้าใจถึง ความจำเป็น ของรัฐบาล
ที่ต้องปรับราคารับจำนำ ให้เป็นไปตามกลไก ที่เป็นจริงของตลาด
การประกาศปรับราคาเหลือ 12,000 บาทต่อตันครั้งนี้
ก็เพื่อที่ทางภาครัฐต้องการให้การรับจำนำข้าว เดินหน้าต่อไป
และเป็นไปตามกลไกการตลาดที่เป็นจริงมากขึ้นตามตลาดโลก
จึงจำเป็นต้องปรับราคาลง
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาด
โลกให้มากขึ้น
สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น