เจ้าของช้าง กว่า 60 ราย ที่ถูกนายทะเบียน สั่งอายัดใบอนุญาต รูปพรรณช้าง เข้าแสดงหลักฐานต่อนายอำเภอเมืองชัยภูมิ ในฐานะนายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาต พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา หากไม่ดำเนินการ จะนำช้างปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเวลา 11.30น. วันที่ 30 สิงหาคม 2556 มีชาวบ้านจากอำเภอท่าตูม อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ และเจ้าของปางช้าง จ.กาญจบุรี กว่า 60 ราย มีนายสุรสิทธิ์ มุทุสาหิม กรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนเลี้ยงช้างระดับชาติ ภาคประชาชน เป็นแกนนำ ได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าที่ว่าอำเภอเมืองชัยภูมิ เพื่อแสดงหลักฐาน พยาน การได้มาของช้าง ที่ตนครอบครอง ตามตั๋วรูปพรรณช้าง ต่อนายทะเบียนอำเภอเมืองชัยภูมิ หลังถูกสั่งระงับการเคลื่อนไหวรายการตั๋วรูปพรรณช้าง จำนวน 69 ฉบับ ที่ทางตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบพบว่า เอกสารดังกล่าวอาจออกโดยมิชอบ นายสุรสิทธิ์ มุทุสาหิม กล่าวว่า คนเลี้ยงช้างเหล่านี้ ได้ตั๋วรูปพรรณช้างฉบับดังกล่าว มาจาก นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ อดีตกำนันตำบลบ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ เห็นว่าเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ เชื่อว่าถูกต้อง จึงซื้อจากนายสุรัตน์ฯ เอาไว้ จนเป็นเหตุนำไปสู่การถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจจับในข้อหา มีตั๋วรูปพรรณไว้ในครอบครองโดยไม่มีช้างตรงตามตั๋วนั้น ชาวบ้านไม่รู้กฎหมายเมื่อมีคนนำตั๋วมาขายให้ก็ซื้อไว้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นตั๋วที่ทางราชการออกให้ แต่หลังจากมีหนังสือแจ้งให้นำช้างพร้อมเจ้าของช้างเข้ามาชี้แจง แสดงหลักฐาน ภายใน30วัน หากไม่มาหรือไม่สามารถแสดงหลักฐานได้จะทำการเพิกถอนตั๋ว ชาวบ้านต่างไม่สบายใจและเกรงจะกลายเป็นผู้ที่ละเมิดกฎหมาย จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้สั่งยกเลิกการ ระงับใบอนุญาตทั้ง 69 ฉบับ หากไม่หาทางแก้ไขยืนยันจะนำช้างจากทุกเพนียด กว่า 200 เชือกเดินทางเข้าปิดล้อมทำเนียบอย่างแน่นอน ต่อมา นายประกิต วงค์วิสิทธิ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาถ รองผบก.ภจว.ชัยภูมิ ได้เชิญเจ้าของช้าง เข้าชี้แจง ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองชัยภูมิ แจงให้เห็นถึงเหตุผล ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบเอกสาร ของตั๋วรูปพรรณช้างทั้ง 69 เชือก เบื้องต้นพบว่า น่าจะมีการออกตั๋วผิดสิ้นเชิง 4 ราย แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ครอบครอง นำพยาน หลักฐานเข้าชี้แจงได้ ทุกอย่างได้ดำเนินการตามขั้นตอน และอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง หากชาวบ้านท่านใดมีหลักฐานชี้แจงพร้อมนำมาแสดงได้ ก็ถือว่าได้มาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าไม่มีหลักฐานใดๆ ก็ต้องดำเนินการเพิกถอน ส่วนกรณีที่นายสุรัตน์ ฯนำตั๋วไปขายให้นั้นศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว ซึ่งหากจับกุมได้ก็จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และท่านก็สามารถฟ้องร้องในคดีแพ่ง เรืยกร้องค่าเสียหายต่อไป
เมื่อเวลา 11.30น. วันที่ 30 สิงหาคม 2556 มีชาวบ้านจากอำเภอท่าตูม อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ และเจ้าของปางช้าง จ.กาญจบุรี กว่า 60 ราย มีนายสุรสิทธิ์ มุทุสาหิม กรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนเลี้ยงช้างระดับชาติ ภาคประชาชน เป็นแกนนำ ได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าที่ว่าอำเภอเมืองชัยภูมิ เพื่อแสดงหลักฐาน พยาน การได้มาของช้าง ที่ตนครอบครอง ตามตั๋วรูปพรรณช้าง ต่อนายทะเบียนอำเภอเมืองชัยภูมิ หลังถูกสั่งระงับการเคลื่อนไหวรายการตั๋วรูปพรรณช้าง จำนวน 69 ฉบับ ที่ทางตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบพบว่า เอกสารดังกล่าวอาจออกโดยมิชอบ นายสุรสิทธิ์ มุทุสาหิม กล่าวว่า คนเลี้ยงช้างเหล่านี้ ได้ตั๋วรูปพรรณช้างฉบับดังกล่าว มาจาก นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ อดีตกำนันตำบลบ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ เห็นว่าเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ เชื่อว่าถูกต้อง จึงซื้อจากนายสุรัตน์ฯ เอาไว้ จนเป็นเหตุนำไปสู่การถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจจับในข้อหา มีตั๋วรูปพรรณไว้ในครอบครองโดยไม่มีช้างตรงตามตั๋วนั้น ชาวบ้านไม่รู้กฎหมายเมื่อมีคนนำตั๋วมาขายให้ก็ซื้อไว้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นตั๋วที่ทางราชการออกให้ แต่หลังจากมีหนังสือแจ้งให้นำช้างพร้อมเจ้าของช้างเข้ามาชี้แจง แสดงหลักฐาน ภายใน30วัน หากไม่มาหรือไม่สามารถแสดงหลักฐานได้จะทำการเพิกถอนตั๋ว ชาวบ้านต่างไม่สบายใจและเกรงจะกลายเป็นผู้ที่ละเมิดกฎหมาย จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้สั่งยกเลิกการ ระงับใบอนุญาตทั้ง 69 ฉบับ หากไม่หาทางแก้ไขยืนยันจะนำช้างจากทุกเพนียด กว่า 200 เชือกเดินทางเข้าปิดล้อมทำเนียบอย่างแน่นอน ต่อมา นายประกิต วงค์วิสิทธิ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไอศูรย์ สิงหนาถ รองผบก.ภจว.ชัยภูมิ ได้เชิญเจ้าของช้าง เข้าชี้แจง ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองชัยภูมิ แจงให้เห็นถึงเหตุผล ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบเอกสาร ของตั๋วรูปพรรณช้างทั้ง 69 เชือก เบื้องต้นพบว่า น่าจะมีการออกตั๋วผิดสิ้นเชิง 4 ราย แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ครอบครอง นำพยาน หลักฐานเข้าชี้แจงได้ ทุกอย่างได้ดำเนินการตามขั้นตอน และอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง หากชาวบ้านท่านใดมีหลักฐานชี้แจงพร้อมนำมาแสดงได้ ก็ถือว่าได้มาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าไม่มีหลักฐานใดๆ ก็ต้องดำเนินการเพิกถอน ส่วนกรณีที่นายสุรัตน์ ฯนำตั๋วไปขายให้นั้นศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว ซึ่งหากจับกุมได้ก็จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และท่านก็สามารถฟ้องร้องในคดีแพ่ง เรืยกร้องค่าเสียหายต่อไป
สุระพงค์ สวัสดิ์ผล /ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น