ตำรวจพร้อมทหาร จับแก๊งลักลอบขนไม้พะยูง ซิ่งรถ 2 คัน แหกด่านความมั่นคงที่อุดรธานี รวบผู้ต้องหาได้ 3 ราย รถยนต์หรูอีก 2 คัน ของกลางเป็นไม้พะยูง 8 ท่อน มูลค่าล้านกว่าบาท สารภาพเตรียมไปส่งที่จังหวัดบึงกาฬ แต่หลงทางไปโผล่เส้นทางไปจังหวัดขอนแก่น แถมเจอด่านตำรวจทหารซิ่งรถหนี แต่ก็ถูกตำรวจทหารจับกุมได้ในที่สุด
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (28 พ.ค. 57) ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พลตำรวจตรีวีรพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย พันตำรวจตรีประจัญบาน ทองศรี หัวหน้าชุดด่านตรวจความมั่นคงบ้านข้าวสาร ร่วมแถลงข่าวจับกุมแก๊งลักลอบขนไม้พะยูง เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเวลา 01.00 น.ซึ่งเป็นช่วงประกาศเคอร์ฟิว ได้ผู้ต้องหา 3 รายคือ นายธนพล สีแสง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 8 ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ นายบุญรักษ์ รินทะนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 8 บ้านดงเรือง ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ และนางหนูจันทร์ วงษ์หมอก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 8 บ้านอยู่บึงกาฬ พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ที่ใช้สำหรับขนไม้พะยูงคือ รถยนต์มิตซูบิชิรุ่นปาเจโร ทะเบียน ฆก 6019 กทม.ภายในพบไม้พะยูงจำนวน 8 ท่อนซุง ยาวท่อนละประมาณ 210 ซม ซุกซ่อนภายในโดยมีการถอดเบาะออกแล้วนำไปใส่ไว้ใน รถยนต์ปิคอัพอีซุซุ ดีแม็กซ์ สีบอร์น 4 ประตู ทะเบียน กง-9424 สุราษฏร์ธานี ซึ่งใช้เป็นรถนำทาง
นายธนพล เปิดเผยว่า รับว่าจ้างจากนายยูน ไม่ทราบสกุล ได้ค่าจ้างคนละ 9,000 บาท ขนไม้พะยูงจากบ้านนาจาร อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อไปส่งให้ที่อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ โดยออกจากหนองบัวลำภูตั้งแต่หกทุ่ม แต่เหตุที่ไปเจอด่านจุดตรวจความมั่นคงที่บ้านข้าวสารเนื่องจากหลงทาง จริงๆแล้วต้องเลยไปอีกแยกหนึ่งคือไปทางจังหวัดสกลนคร ถึงจะไปจังหวัดบึงกาฬได้ แต่รถนำทางที่มีนายบุญรักษ์และนางหนูจันทร์ขับนำทาง ขับหลงทางไปเจอด่านมั่นคง ตนพยายามขับรถหนีแต่เนื่องจากเป็นถนนสี่แลนและอีกฝั่งเป็นร่องน้ำพยายามขับรถหนีจึงไปไม่รอด และเกรงกลัวทหารที่มีปืนด้วย ส่วนที่ถามว่ากลัวไหมที่ขนในช่วงประกาศเคอร์ฟิว นายธนพลบอกว่ากลัวแต่ก็ต้องทำเพราะอยากได้เงิน
พลตำรวจตรีวีรพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กล่าวถึงการจับกุมว่า แม้เจ้าหน้าที่จะประกาศเคอร์ฟิวหลัง 4 ทุ่มแต่ยังมีคนร้ายลักลอบขนไม้พะยูงและสิ่งผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต่อไปเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจะได้เข้มเพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายทุกมุมเมือง ซึ่งหากไม้พะยูงล็อตนี้นำไปขายยังต่างประเทศได้จะมีมูลค่า 1 ล้านบาทเศษเลยทีเดียว หลังจับกุมตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีไม้หวงห้าม(ไม้พะยูง) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่โดยไม่มีเบิกทางของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (28 พ.ค. 57) ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พลตำรวจตรีวีรพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย พันตำรวจตรีประจัญบาน ทองศรี หัวหน้าชุดด่านตรวจความมั่นคงบ้านข้าวสาร ร่วมแถลงข่าวจับกุมแก๊งลักลอบขนไม้พะยูง เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเวลา 01.00 น.ซึ่งเป็นช่วงประกาศเคอร์ฟิว ได้ผู้ต้องหา 3 รายคือ นายธนพล สีแสง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 8 ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ นายบุญรักษ์ รินทะนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 8 บ้านดงเรือง ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ และนางหนูจันทร์ วงษ์หมอก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 8 บ้านอยู่บึงกาฬ พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ที่ใช้สำหรับขนไม้พะยูงคือ รถยนต์มิตซูบิชิรุ่นปาเจโร ทะเบียน ฆก 6019 กทม.ภายในพบไม้พะยูงจำนวน 8 ท่อนซุง ยาวท่อนละประมาณ 210 ซม ซุกซ่อนภายในโดยมีการถอดเบาะออกแล้วนำไปใส่ไว้ใน รถยนต์ปิคอัพอีซุซุ ดีแม็กซ์ สีบอร์น 4 ประตู ทะเบียน กง-9424 สุราษฏร์ธานี ซึ่งใช้เป็นรถนำทาง
นายธนพล เปิดเผยว่า รับว่าจ้างจากนายยูน ไม่ทราบสกุล ได้ค่าจ้างคนละ 9,000 บาท ขนไม้พะยูงจากบ้านนาจาร อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อไปส่งให้ที่อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ โดยออกจากหนองบัวลำภูตั้งแต่หกทุ่ม แต่เหตุที่ไปเจอด่านจุดตรวจความมั่นคงที่บ้านข้าวสารเนื่องจากหลงทาง จริงๆแล้วต้องเลยไปอีกแยกหนึ่งคือไปทางจังหวัดสกลนคร ถึงจะไปจังหวัดบึงกาฬได้ แต่รถนำทางที่มีนายบุญรักษ์และนางหนูจันทร์ขับนำทาง ขับหลงทางไปเจอด่านมั่นคง ตนพยายามขับรถหนีแต่เนื่องจากเป็นถนนสี่แลนและอีกฝั่งเป็นร่องน้ำพยายามขับรถหนีจึงไปไม่รอด และเกรงกลัวทหารที่มีปืนด้วย ส่วนที่ถามว่ากลัวไหมที่ขนในช่วงประกาศเคอร์ฟิว นายธนพลบอกว่ากลัวแต่ก็ต้องทำเพราะอยากได้เงิน
พลตำรวจตรีวีรพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กล่าวถึงการจับกุมว่า แม้เจ้าหน้าที่จะประกาศเคอร์ฟิวหลัง 4 ทุ่มแต่ยังมีคนร้ายลักลอบขนไม้พะยูงและสิ่งผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต่อไปเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจะได้เข้มเพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายทุกมุมเมือง ซึ่งหากไม้พะยูงล็อตนี้นำไปขายยังต่างประเทศได้จะมีมูลค่า 1 ล้านบาทเศษเลยทีเดียว หลังจับกุมตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีไม้หวงห้าม(ไม้พะยูง) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่โดยไม่มีเบิกทางของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ส.ปชส.อด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น