วันนี้ (3 มิ.ย. 56) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท. กวี สุภานันท์
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้แถลงข่าวกรณีชุดเฉพาะกิจปราบปรามโจรกรรมรถ
ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ตรวจยึดรถยนต์หรูที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 13 คัน
ประกอบด้วย ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ 5 คัน บีเอ็มดับเบิลยู 1 คัน
โตโยต้าอัลพาท 2 คัน นิสสัน คิวบ์ 3 คัน โฟล์คสวาเก้น บิทเทล 1 คัน
และซูซูกิ วาก้อน อาร์ อีก 1 คัน
ผู้บัญชาการภาค 4 กล่าวว่าขณะนี้มีขบวนการลักลอบนำรถหรูราคาแพงเข้ามาในประเทศ โดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร ส่งผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้เลือกซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกกฎหมาย หากเป็นรถมือสองที่มีราคาแพงต้องตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ละเอียด
โดยเฉพาะรถที่มีราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาดมากผิดปกติ ต้องสืบหาที่มาที่ไปของรถยนต์หรูเหล่านี้อย่างละเอียด เพราะหากถูกตรวจพบว่าเป็นรถยนต์หนีภาษี ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย นอกจากจะถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ยังจะถูกยึดรถอีกด้วย
สำหรับรถที่ตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้แยกประเภทดังนี้ คือ รถที่นำเข้าทั้งคันไม่เสียภาษีศุลกากร และทะเบียนขนส่ง โดยใช้ป้ายแดงติดตลอด ทั้งที่บางครั้งรถตกรุ่นไปแล้ว หรือติดป้ายขาวปลอมของกรมการขนส่งพร้อมป้ายวงกลมและสมุดทะเบียนรถปลอม นอกจากนี้ ยังมีรถที่นำเข้ามาในรูปแบบเสียภาษีอะไหล่แยกชิ้นและนำเข้ามาประกอบใหม่เป็น ตัวถังรถ
กฎหมายใหม่ห้ามนำมาจดทะเบียน ทำให้มีขบวนการที่นำเข้ามาในรูปอะไหล่แล้วนำมาประกอบขายในราคาถูก และบางส่วนของรถที่ตกค้างได้ถูกลำเลียงจำหน่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีกฎหมายลงโทษเหมือนประเทศไทย
พล.ต.ท.กวี กล่าวว่า รถทั้ง 13 คันเป็นรถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กทม. ซึ่งรถทั้ง 13 คัน เจ้าของรถก็มีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ส่วนรถทั้งหมดก็จะเข้าสู่กระบวนการของศุลกากรซึ่งอาจจะมีการนำมาประมูลต่อไป
ด้าน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปตรวจสอบรถทั้งหมดด้วยตัวเองในวันนี้ และระบุว่าจะดำเนินการแจ้งความเพื่อเอาผิดเจ้าของรถทั้งหมด
อธิบดีกรมโรงงานกล่าวว่า ในขบวนการลักลอบนำเข้ารถหรูจะพบว่าการนำจะมีการแยกอินวอยซ์ตัวถัง ประตู ล้อ เพื่อมาประกอบในประเทศ แล้วก็มีวิศวกรเซ็นรับรอง ซึ่ง สมอ.กำหนดว่าถ้าเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลหรือเบนซินจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตาม มอก. 2550-2554 และตาม มอก.2540-2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 ธ.ค.2555 เป็นต้นมา แต่มีผ่านมา ความพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการเอาแก๊สมาติด โดยเฉพาะก่อน 8 ธ.ค.55 โดยรถที่ประกอบหลังจากนั้นถ้ามีถังน้ำมันเกินกว่า 15 ลิตร ต้องผ่านสมอ.แม้จะติดแก๊สหรือไม่ก็ตาม
จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ในประเทศมีรถนำเข้าโดยหลีกเลี่ยงภาษีทั้งระบบร่วม 3,000คัน ส่วนซูเปอร์คาร์มีประมาณหลักร้อยคัน และในอดีตที่เข้ามาตรวจสอบขึ้นทะเบียนกับ สมอ.แค่ หลัก 10 คันเท่านั้น ซึ่งรถทั้งหมดกระจายไปทั่วประเทศไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบมาตรฐานคันละประมาณ 1.2 แสนบาท
ผู้บัญชาการภาค 4 กล่าวว่าขณะนี้มีขบวนการลักลอบนำรถหรูราคาแพงเข้ามาในประเทศ โดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร ส่งผลให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้เลือกซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกกฎหมาย หากเป็นรถมือสองที่มีราคาแพงต้องตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ละเอียด
โดยเฉพาะรถที่มีราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาดมากผิดปกติ ต้องสืบหาที่มาที่ไปของรถยนต์หรูเหล่านี้อย่างละเอียด เพราะหากถูกตรวจพบว่าเป็นรถยนต์หนีภาษี ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย นอกจากจะถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ยังจะถูกยึดรถอีกด้วย
สำหรับรถที่ตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้แยกประเภทดังนี้ คือ รถที่นำเข้าทั้งคันไม่เสียภาษีศุลกากร และทะเบียนขนส่ง โดยใช้ป้ายแดงติดตลอด ทั้งที่บางครั้งรถตกรุ่นไปแล้ว หรือติดป้ายขาวปลอมของกรมการขนส่งพร้อมป้ายวงกลมและสมุดทะเบียนรถปลอม นอกจากนี้ ยังมีรถที่นำเข้ามาในรูปแบบเสียภาษีอะไหล่แยกชิ้นและนำเข้ามาประกอบใหม่เป็น ตัวถังรถ
กฎหมายใหม่ห้ามนำมาจดทะเบียน ทำให้มีขบวนการที่นำเข้ามาในรูปอะไหล่แล้วนำมาประกอบขายในราคาถูก และบางส่วนของรถที่ตกค้างได้ถูกลำเลียงจำหน่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีกฎหมายลงโทษเหมือนประเทศไทย
พล.ต.ท.กวี กล่าวว่า รถทั้ง 13 คันเป็นรถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กทม. ซึ่งรถทั้ง 13 คัน เจ้าของรถก็มีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ส่วนรถทั้งหมดก็จะเข้าสู่กระบวนการของศุลกากรซึ่งอาจจะมีการนำมาประมูลต่อไป
ด้าน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปตรวจสอบรถทั้งหมดด้วยตัวเองในวันนี้ และระบุว่าจะดำเนินการแจ้งความเพื่อเอาผิดเจ้าของรถทั้งหมด
อธิบดีกรมโรงงานกล่าวว่า ในขบวนการลักลอบนำเข้ารถหรูจะพบว่าการนำจะมีการแยกอินวอยซ์ตัวถัง ประตู ล้อ เพื่อมาประกอบในประเทศ แล้วก็มีวิศวกรเซ็นรับรอง ซึ่ง สมอ.กำหนดว่าถ้าเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลหรือเบนซินจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตาม มอก. 2550-2554 และตาม มอก.2540-2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 ธ.ค.2555 เป็นต้นมา แต่มีผ่านมา ความพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการเอาแก๊สมาติด โดยเฉพาะก่อน 8 ธ.ค.55 โดยรถที่ประกอบหลังจากนั้นถ้ามีถังน้ำมันเกินกว่า 15 ลิตร ต้องผ่านสมอ.แม้จะติดแก๊สหรือไม่ก็ตาม
จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ในประเทศมีรถนำเข้าโดยหลีกเลี่ยงภาษีทั้งระบบร่วม 3,000คัน ส่วนซูเปอร์คาร์มีประมาณหลักร้อยคัน และในอดีตที่เข้ามาตรวจสอบขึ้นทะเบียนกับ สมอ.แค่ หลัก 10 คันเท่านั้น ซึ่งรถทั้งหมดกระจายไปทั่วประเทศไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบมาตรฐานคันละประมาณ 1.2 แสนบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น