
ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบนั้น สนข. ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน โดยจะมีรูปแบบโครงสร้าง ทั้งทางยกระดับ ในช่วงที่มีจุดตัดกับถนนหลายแห่ง หรือผ่านชุมชนขนาดใหญ่ อาทิ อำเภอเมืองสระบุรี แก่งคอย มวกเหล็ก ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน และอำเภอเมืองนครราชสีมา ทางระดับดิน รวมถึงสะพานบกในช่วงพื้นที่ราบที่มีจุดตัดรถไฟกับถนนไม่มาก และอยู่นอกเขตชุมชน และอุโมงค์ในช่วงภูเขาสูงชันและกระทบต่อแหล่งอนุรักษ์ เช่นที่จังหวัดสระบุรีในช่วงเขาพระพุทธฉายและช่วงที่ผ่านอุทยานแห่งชาติ น้ำตกสมหลั่น รวมไปถึงพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา บริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง
ผลการศึกษายังพบอีกว่า ความเร็วที่เหมาะสมคือ 250 – 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราค่าโดยสารประมาณ 2.30 บาท/กม. นอกจากนี้ยังได้ศึกษาบนสมมติฐานสำหรับการคิดค่าโดยสารแบบเก็บค่าเดินทางแรก เข้า 55 บาท หลังจากนั้นคิดในอัตรา 2.10 บาท/กม. ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะอยู่ที่ กิโลเมตรละ 3 – 4 บาท สำหรับการออกแบบสถานีจะใช้มาตรฐาน Universal Design เน้นความทันสมัย ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่นที่สถานีปากช่อง จะนำลักษณะของภูเขาและธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ส่วนสถานีนครราชสีมา จะนำความสวยงามของผ้าไหมปักธงชัย ประสาทหินพิมาย เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน หมี่โคราช รวมไปถึงอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่คนโคราชนับถือมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบสถานี โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นหลัก มีจุดอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ มีทางลาดขึ้นลงไม่มีบันได และมีห้องประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไว้ให้บริการ
ในส่วนของรูปแบบของขบวนรถไฟความเร็วสูง คือ Electric Multiple Unit หรือ EMU มีความยาว 8 ตู้ต่อขบวน สามารถจุผู้โดยสารได้ประมาณ 500 – 700 ที่นั่ง แบ่งการบริการเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ชั้น VIP ชั้น 1 และชั้นธรรมดา มีบริการคล้ายเครื่องบิน ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม มีสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมทั้งขบวน มีที่นั่งสำหรับคนพิการ ห้องน้ำและที่เก็บสัมภาระ และจากการศึกษาเบื้องต้น หากขนส่งตลอดสายทุกวันทั้งปี จะใช้พลังงานไฟฟ้าเท่ากับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 1 ห้าง ใน 1 ปี ซึ่งสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและพลังงานไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี นายชัยวัฒน์ฯ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น