วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกรณีศาลยุมติธรรมระหว่างประเทศคดีคำพิพากษาปราสาทพระวิหารปี 2505

การประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำพิพากษาในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505

นายวิวัฒ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นชี้แจงเรื่องการประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำพิพากษาในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505

นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า  เมื่อวันที่ 11 พ.ย. เวลา 19.20 น. ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แถลงการณ์ภายหลังการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่า คณะดำเนินคดีฝ่ายไทยได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ดีที่สุด ได้ต่อสู้ในแง่กฎหมายและตามกติกาสากลอย่างเต็มที่ ดังเป็นที่ประจักษ์ในการให้การทางวาจาต่อศาลโลก เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลทราบดีว่าภารกิจการต่อสู้คดีฯ ในครั้งนี้ เป็นภารกิจที่ท้าทายและยากลำบากมาก เพราะเป็นคดีที่ตีความคำพิพากษาเดิมที่ผ่านมาแล้ว 50 ปี และประเทศไทยจำเป็นต้องกลับไปต่อสู้ที่ศาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้ศาลพิจารณาเพียงเอกสารหลักฐาน และคำให้การของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น คณะดำเนินคดีของประเทศไทยจึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และประชาชนในทุกด้านอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสบายใจและมีประสิทธิภาพสูงสุดนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า บัดนี้ศาลโลกได้พิจารณาเอกสารหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ซึ่งพี่น้องประชาชนทุกท่านคงได้มีโอกาสติดตามการถ่ายทอดสดคำพิพากษา โดยรัฐบาลเห็นว่า เป็นคำพิพากษาที่ให้ความสำคัญกับการที่ทั้งสองประเทศจะต้องเจรจากัน และมีหลายส่วนที่เป็นคุณกับประเทศไทย โดยมีประเด็นหลัก ๆ ดังนี้ 1. ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทย และได้ตัดสินยืนยันที่จะตัดสินภายในขอบเขตของคำพิพากษาเดิม เมื่อ ปี 2505 ข้อ 2. ศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทย โดยยืนยันว่า คำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 นั้น ไม่ได้ตัดสินเกี่ยวกับประเด็นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะเป็นประเด็นที่อยู่นอกเหนือจากคำพิพากษาเดิม ซึ่งหมายความว่าศาลไม่รับพิจารณาข้อเรียกร้องของกัมพูชาเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่สำคัญศาลไม่ได้ตัดสินว่าแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ผูกพันกับไทย โดยผลของคำพิพากษาเมื่อปี 25053. ศาลรับตีความเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทตามคำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 โดยศาลอธิบายว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก ซึ่งกำหนดขึ้นตามสภาพภูมิศาสตร์ที่ประกอบขึ้นเป็นยอดเขาพระวิหาร โดยไม่ได้กำหนดเส้นเขตแดน และที่สำคัญไม่รวมพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งในส่วนของพื้นที่บริเวณใกล้เคียงปราสาทนี้ ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องหารือกันในรายละเอียดต่อไปโดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และ 4. ศาลได้แนะนำให้ความสำคัญกับการที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการอนุรักษ์และพัฒนาปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นมรดกโลก ดังนั้นรัฐบาลได้สั่งให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายศึกษารายละเอียดและสาระสำคัญของคำพิพากษา เพื่อนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปประกอบพิจารณาดำเนินการของรัฐบาลต่อไปน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต่อจากนั้น ไทยและกัมพูชาจะต้องเจรจาหารือภายใต้กลไกที่มีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติให้เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย และจะคำนึงถึงขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย"ดิฉันขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินการของรัฐบาลจะรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง รวมทั้งเกียรติภูมิของชาติและความเป็นประชาคมอาเซียน พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้สั่งการและกำชับให้ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคงยังคงรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณชายแดน รักษาอธิปไตยและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ เพื่อสันติภาพ สันติสุขและความสงบเรียบร้อยดังที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด ประเทศไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันที่นอกจากจะมีพรมแดนติดต่อกันถึงเกือบ 800 กิโลเมตร ยังเป็นสมาชิกอาเซียนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันต่อไป เพื่อความสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง อีกทั้ง ประชาชนไทยและกัมพูชา ก็มีความสัมพันท์ฉันท์ญาติมิตร มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมกันมาช้านาน ดังนั้น ทั้งสองประเทศจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ ในนามของรัฐบาล ดิฉันขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนและของชาติอย่างสูงสุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น