วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารจัดประชุมเจรจาลดปัญหาอุปสรรคทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านและเจรจาจับคู่ธุรกิจ

นายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และนายทวีศักดิ์ สุทโธ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร นำคณะผู้แทนภาคราชการ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการจาก 18 จังหวัดภาคอีสานของไทย จำนวน 110 คน เดินทางเข้าร่วมประชุมเจรจาลดปัญหาอุปสรรคทางการค้ากับประเทศ สปป.ลาว และเจรจาจับคู่ธุรกิจ กับคณะผู้แทนภาคราชการ ภาคเอกชนและผู้ประกอบการแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ที่โรงแรมดาวสะหวัน รีสอร์ท แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เมื่อวันที่ ๑๘-๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖      

จังหวัดมุกดาหารเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นพรมแดน ระยะทาง 72 กิโลเมตร และเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ตามเส้นทางหมายเลข 9 เบรียบเป็นประตูทางตะวันออกของไทยสู่อาเซียนและประเทศจีนตอนใต้ ประกอบกับจังหวัดมุกดาหารกับแขวงสะหวันนะเขต เป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยั่งยืนจนได้ยกระดับความสัมพันธ์ เป็นเมืองคู่มิตร มีการค้าขายลงทุนระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่ายมาเป็นเวลายาวนานและปริมาณและ มูลค่าการค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนับแต่เริ่มเปิดใช้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2เป็นต้นมา ซึ่งการจัดประชุมครั้งนี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารได้ดำเนินการตาม ภารกิจโดยนำผู้แทนภาคราชการ ภาคเอกชนและผู้ประกอบการจาก 18จังหวัดภาคอีสานของไทย ซึ่งมีนายสรสิทธิ์ ฤทธิ์สรไกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารเป็นหัวหน้าคณะ ร่วมประชุมกับคณะผู้แทนภาคราชการ ภาคเอกชนและผู้ประกอบการแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ซึ่งมีท่านไกสอน คูนลาดสุวันนะวง รองเจ้าแขวงสะหวันนะเขตเป็นหัวหน้าคณะ ที่โรงแรมดาวสะหวัน รีสอร์ท แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งการประชุมได้มีการเสนออุปสรรคปัญหาการเดินทางเข้า-ออกเมือง การนำเข้า-ส่งออกสินค้า และแนวทางแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายที่จะต้องร่วมมือกัน นอกจากนี้บรรดานักธุรกิจผู้ประกอบการทั้งไทยและลาวได้เจรจาจับคู่ธุรกิจ มีคู่สัญญาสินค้าเกษตร ๔ สัญญา และความร่วมมือด้านการการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และบริการทั่วไป ๔๐ สัญญา รวมมูลค่ากว่า ๕๕๐ ล้านบาท โดยการประชุมครั้งนี้มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และ กงสุลใหญ่ไทย ณ แขวงสะหวันนะเขต ร่วมสังเกตการณ์ด้วย





สุภาวดี อัมไพพันธ์ ส.ปชส.มห/ข่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น