เวลา 08.30 น. วันที่ 7 พ.ค.2557 พ.ต.ท.อานันท์ วิชเศรษฐสมิตร สว.สทล.2 กก.4 บก.ทล. พร้อมด้วย ร.ต.อ.จันทร์ดา วงษ์ชา รอง สว.ตำรวจทางหลวงขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจำหน่วยบริการประชาชน อ.ชุมแพ ทำการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดบน ถ.สายสีชมพู-ศรีบุญเรือง กม.51-52 ต.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เพื่อกวดขับจับกุมกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด,สิ่งผิดกฎหมายและ พรบ.จราจร จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะแวน อีซูซุ แอดแวนเจอร์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน กค-6486 ปราจีนบุรี ขับเข้ามาในจุดตรวจด้วยท่าทีต้องสงสัยจึงขอตรวจค้น พบไม้พะยูงขนาดความยาว 1 เมตร แปรรูปสภาพดี จำนวน 62 ท่อน ซุกซ่อนอยู่ภายในตัวรถ โดยมีการดัดแปลงสภาพด้วยการเอาเบาะทีนั่งภายในรถออกทั้งหมดเพื่อซุกซ่อนไม้พะยูงไว้ภายในโดยเฉพาะ จึงได้ทำการควบคุมตัว นายสุรชัย สะท้านบัว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.7 ต.โคกสะอาด อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ และ นายวัชชิระ ขวามา อายุ 20 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 225 ม.1 ต.ขัวเรียง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งขับขี่รถคันดังกล่าวมาทำการสอบสวน
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ไม้พะยูงดังกล่าวทั้งหมดลักลอบขนมาจากเขตอุทยานแห่งชาติในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเพื่อที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าที่ จ.หนองคาย โดยมีกลุ่มนายทุนชาวต่างชาติว่าจ้างให้ขนไม้พะยูงดังกล่าวจาก จ.ขอนแก่น ไปส่งที่ จ.หนองคาย และจะมีขนมารับอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านและส่งจำหน่ายในประเทศจีน
ร.ต.อ.จันทร์ดา วงษ์ชา รอง สว.ตำรวจทางหลวงขอนแก่น กล่าวว่า กลุ่มขบวนการค้าไม้พะยูงและยาเสพติด มักจะหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนสายหลักและหันมาใช้ถนนสายรองในการขนส่งและลำเลียงของกลางทั้งหมดเพื่อส่งจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ ทำให้การทำงานของตำรวจทางหลวงจึงจะต้องปรับแนวทางมาเพื่อกวดขันจับกุมผู้ต้องหาให้เพิ่มมากขึ้นเช่นกันตลอดทั้้ง 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะกับเส้นทางลัดตัดผ่านระหว่างอำเภอที่สามารถมุ่งหน้าไปยัง จ.หนองคายและ เขต กทม.ฯ ทุกจุดจะมีตำรวจทางหลวงประจำโดยทั้งหมด และช่วงเวลาที่ใช้ในการขนสิ่งผิดกฎหมายนั้นจะอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ 02.00 - 05.30 น. ของทุกวัน ทำให้การทำงานด้านการข่าวและการทำงานของทางเจ้าหน้าที่จะต้องเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากไม้พะยูงดังกล่าวสามารถส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศได้จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภายหลังการปากคำแล้วเสร็จผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี จึงตั้งข้อกล่าวหาว่า มีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สีชมพู เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ไม้พะยูงดังกล่าวทั้งหมดลักลอบขนมาจากเขตอุทยานแห่งชาติในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเพื่อที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าที่ จ.หนองคาย โดยมีกลุ่มนายทุนชาวต่างชาติว่าจ้างให้ขนไม้พะยูงดังกล่าวจาก จ.ขอนแก่น ไปส่งที่ จ.หนองคาย และจะมีขนมารับอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านและส่งจำหน่ายในประเทศจีน
ร.ต.อ.จันทร์ดา วงษ์ชา รอง สว.ตำรวจทางหลวงขอนแก่น กล่าวว่า กลุ่มขบวนการค้าไม้พะยูงและยาเสพติด มักจะหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนสายหลักและหันมาใช้ถนนสายรองในการขนส่งและลำเลียงของกลางทั้งหมดเพื่อส่งจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ ทำให้การทำงานของตำรวจทางหลวงจึงจะต้องปรับแนวทางมาเพื่อกวดขันจับกุมผู้ต้องหาให้เพิ่มมากขึ้นเช่นกันตลอดทั้้ง 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะกับเส้นทางลัดตัดผ่านระหว่างอำเภอที่สามารถมุ่งหน้าไปยัง จ.หนองคายและ เขต กทม.ฯ ทุกจุดจะมีตำรวจทางหลวงประจำโดยทั้งหมด และช่วงเวลาที่ใช้ในการขนสิ่งผิดกฎหมายนั้นจะอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ 02.00 - 05.30 น. ของทุกวัน ทำให้การทำงานด้านการข่าวและการทำงานของทางเจ้าหน้าที่จะต้องเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากไม้พะยูงดังกล่าวสามารถส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศได้จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภายหลังการปากคำแล้วเสร็จผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี จึงตั้งข้อกล่าวหาว่า มีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สีชมพู เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น