วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.วารินชำราบ และเจ้าหน้าที่สืบสวน ภ.จว.อุบลราชธานี สนธิกำลังบุกเข้าจับกุม 3 ผู้ต้องหาขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูง ได้จากที่พัก พบของกลางไม้พะยูงจำนวน 30 ท่อน คิดเป็นมูลค่ากว่าล้านบาท

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 มิ.ย.56 ที่ สภ.วารินชำราบ นำโดย พล.ต.ต.สุรพล แก้วขาว ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ศรีบุตตะ ผกก.สภ.วารินชำราบ พ.ต.ท.ธนชัย แก้วเสนา รอง ผกก.สืบสวนสอบสวน สภ.วารินชำราบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.วารินชำราบ

ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายทองมี สุโกพันธ์ อายุ 77 ปี อยู่ที่ 92 ม.2 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายอุทัย คำอำ อายุ 37 ปี อยู่ที่ 28 ม.4 ต.หนองกินเพลน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และนางคำหมูน สดชื่น อายุ 36 ปี อยุ่ที่ 70 ม.2 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาในคดีมีไม้พะยูงไว้ในครอบครอง พร้อมของการ ไม้พะจำนวน 30 ท่อน ขวานด้ามยาว จำนวน 3 เล่ม สายไฟฟ้า ที่ใช้ต่อเชื่อมต่อจากกระท่อมที่พักมายังจุดเลื่อยไม้ของกลาง ยาวประมาณ 200 เมตร

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ศรีบุตตะ ผกก.สภ.วารินชำราบ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.56 เวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่าจะมีขบวนการลักลอบขนส่งไม้พะยูง จะนำไม้มาพักไว้ในเขตพื้นที่ อ.วารินชำราบ เป็นการชั่วคราว จากนั้นเจ้าที่ก็ได้ลงพื้นที่ติดตามสืบหาข่าวจนทราบว่าที่บริเวณเตาเผาอิฐ บ้านขัวไม้แก่น ม.2 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีนายทองมี สุโกพันธ์ เป็นเจ้าของ ซึ่งมีไม้พยุงซุกซ่อนอยู่จำนวนหลายท่อน จึงได้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาทราบ และได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงจุดดังกล่าว พบนายอุทัย คำอำ และนางคำหนุน สดชื่น เป็นผู้ดูแลและพักอาศัยอยู่ในกระท่อมที่พักบริเวณเตาเผาอิฐดังกล่าวและจาก การสอบสวน นายอุทัย และ นางคำหนุน ผู้ต้องหาทั้ง2ราย ให้การว่า เตาเผาอิฐดังกล่าว เป็นของนายทองมี สุโกพันธ์ จากการตรวจสอบพบไม้พยุง 30 ท่อน คิดเป็นมูลค่าประมาณล้านกว่าบาท ลักษณะไม้ของกลางเป็นไม้สดเพิ่งมีการตัดมาจกโคนต้นใหม่ๆ ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังเตาเผาอิฐ ห่างจากกระท่อมที่พักประมาร 100 เมตร และพบมีการต่อสายไฟฟ้าจากกระท่อมดังกล่าว ออกมายังจุดเลื่อยไม้ของกลาง ยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งทั้ง 3 คนได้ให้การว่าไม้พะยูงของกลางดังกล่าวนั้นไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด ทราบเพียงแต่เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน มีชายสองคนเข้ามาขอใช้ไฟฟ้ากับ นางคำหนุน ซึ่งนางคำหนุนก็อนุญาตให้ใช้ไฟฟ้าได้ และก็ไม่ได้สนใจว่าเป็นผู้ใดมาทำไม้ของกลางดังกล่าว 

แต่ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 3 รายว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนไม้พะยูง เนื่องจากพบของกลางอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เจ้าหน้าจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ว่า ร่วมกันทำไม้และมีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้ท่อนหวงห้าม(ไม้พะยูง 30 ท่อน) อันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองวารินชำราบ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


 

จักรกฤษณ์ มาลาสาย/ข่าว/ภาพ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น