นายแพทย์สมยศ ศรีจารนัย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข จัดรณรงค์กำจัดยุงลายป้องกันไข้เลือดออกครั้งใหญ่พร้อมกัน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 – 17 กรกฎาคม 2556 นี้ โดยจะใช้พลังอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. กว่า 1 ล้านคน เป็นแกนนำในการกำจัดยุงและลูกน้ำในบ้านทุกหลังคาเรือน โรงเรียนศูนย์เด็กเล็ก วัด และศาสนสถาน ทุกพื้นที่ทั้งในเขตเมืองและชนบท และให้ความรู้โรคไข้เลือดออก ทั้งอาการป่วย และการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน เนื่องจากผู้ป่วยไข้เลือดออกที่มีอาการรุนแรง จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลมีเพียง 1 ใน 3 อีก 2 ใน 3 อาการจะไม่รุนแรง และจะหายได้เอง สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้เช่ นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้เพิ่มความเข้มงวดติดตาม
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้วกล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สระแก้ว ได้เพิ่มความเข้มงวดติดตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกด้วย 3 มาตรการหลัก ได้แก่
1. การขจัดยุงตัวเต็มวัย และลูกน้ำ เพื่อลดจำนวนยุงลายที่เป็นตัวการแพร่เชื้อไข้เลือดออก เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
2. ให้ส่งหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ ที่พบผู้ป่วยเพื่อควบคุมไม่ให้โรคแพร่ระบาด ไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มในพื้นที่เดิม
3. ให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดจุดตรวจคัดกรองผู้ป่วยไข้เลือดออกตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข แจกยาทากันยุง และให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการ ดูแลผู้ป่วยไข้เลือดออกอย่างถูกต้อง เพื่อลดการเสียชีวิต ซึ่งโรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ จะรักษาเพื่อประคับประคองอาการให้ร่างกายฟื้นตัว พ้นระยะอันตรายในช่วงสัปดาห์แรก ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยมีไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน กินยา หรือเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัย หากมีอาการรุนแรงแพทย์จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล หากไม่รุนแรงแพทย์อาจจะไม่ได้รับตัวนอนรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ประมาณร้อยละ 70 จะหายได้เอง โดยแพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และการสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องรีบกลับมาพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผู้ป่วยซึมลง อ่อนเพลียมาก ปวดท้อง กินอาหาร และดื่มน้ำได้น้อย อาเจียน หรือพบว่ามีเลือดออก เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน ประจำเดือนมากผิดปกติ หรือถ่ายเป็นสีดำ
ซึ่งมักเกิดในวันที่ 3 หรือวันที่ 4 หากมีอาการใดอาการหนึ่งดังที่กล่าวมา ถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย ที่ผู้ป่วยจะเริ่มเข้าสู่ภาวะช็อค เนื่องจากมีเลือดออกในอวัยวะภายใน ซึ่งมักจะเกิดในระยะหลังไข้ลง หากได้รับการรักษาช้าอาจเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้หากหลังไข้ลดแล้ว ผู้ป่วยมีอาการยิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุย กินอาหารได้มากขึ้น แสดงว่าอาการดีขึ้นเริ่มฟื้นตัว และจะหายเป็นปกติ
สำหรับการดูแลผู้ป่วยในระยะ 1-2 วันแรกที่มีไข้สูง ขอให้เช็ดตัวด้วยน้ำธรรมดา กินยาพารา เซตามอล ยาที่ห้ามกินเด็ดขาด คือ แอสไพริน และ ไอโบรบรูเฟน เพราะจะกัดกระเพาะอาหาร ทำให้เลือดออกง่ายขึ้น โดยให้ผู้ป่วยกินอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก และห้ามกินน้ำหรือผลไม้ที่มีสีแดง เช่น น้ำแดง แตงโม เนื่องจากจะทำให้แยกอาการเลือดออกในกระเพาะ และลำไส้ได้ยากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น