เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง
เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ว่า
ที่ประชุมเห็นชอบให้กลับไปใช้ราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปี 2556
ที่ตันละ 15,000 บาท เหมือนเดิม
โดยจะรับจำนำเฉพาะปริมาณที่ไม่เกินที่ได้ระบุไว้ในใบรับรองเกษตรกรที่ขึ้น
ทะเบียนแล้วเท่านั้นและเป็นวงเงินไม่เกินครัวเรือนละ 500,000 บาท
กำหนดเวลารับจำนำไปจนถึงวันที่ 15 ก.ย. 56 ส่วนภาคใต้กำหนดถึงวันที่ 30
พ.ย.56
ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณาข้อมูลทั้งหมดแล้วทุกอย่างยังเป็นไปตามมติ
กขช.เดิม โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รายงานว่าผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรถึง
30 มิ.ย.56 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการขึ้นทะเบียนพบว่า มีจำนวนเกษตรกรกว่า 2
แสนราย มีปริมาณข้าว 2.9 ล้านตัน
จึงไม่ทำให้เกิดภาระทางการคลังเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 56/57
ที่เริ่มในปลายปีนั้นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติจะพิจารณาในรายละเอียดอีก
ครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดโลกต่อไป
ส่วนชาวนาที่ได้นำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำโดยได้รับราคาจำนำที่ตันละ
12,000 บาท ตามมติกขช.เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.นั้นเชื่อว่ามีจำนวนไม่มาก
ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปชดเชยดูแลให้ได้รับราคาเหมือนเดิมที่ตันละ 15,000 บาท
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมโอนเงินส่วนต่างคืนให้ทางบัญชีกับชาวนาราย
นั้นต่อไป โดยทั้งหมดจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 2
ก.ค.นี้
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการระดับจังหวัดปรับปรุงหลัก
เกณฑ์กระบวนการรับจำนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการให้ตำรวจ,ทหารและตำรวจ
ตระเวนชายแดน
ตรวจสอบบริเวณชายแดนอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการนำข้าวเพื่อนบ้านมาสวม
สิทธิ์ รวมทั้งมอบให้กระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้าหรือ อคส.
องค์การตลาดกลางเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)ให้กำกับดูแล
จุดรับจำนำและคลังสินค้าติดกล้องซีซีทีวี เพื่อให้สังคมเข้ามาช่วยตรวจสอบ
เชื่อมโยงระบบการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การออกใบประทวน
การจ่ายเงินให้เกษตรกรและการส่งข้าวจากโรงสีเข้าคลังกลาง
เพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ระหว่างหน่วยงานและรายงานให้ที่
ประชุมครั้งต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น