วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รองนายกรัฐมนตรี ตรวจน้ำท่วมและมอบถุงยังชีพ ขณะที่ รมว.คมนาคม เตรียมฟื้นฟูถนนหนทางที่ชำรุด หลังน้ำท่วมเร่งสำรวจ เพื่อซ่อมแซมด่วน

เมื่อวันที่ 29 ก.ย.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ได้เดินทางมาตรวจสถานการณ์น้ำท่วมของ จ.ศรีสะเกษ โดยมี นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคไทยรักไทย และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมและการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมให้ทราบ จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางโดยรถบรรทุก 6 ล้อของทหาร เดินทางฝ่าน้ำท่วมเข้าไปตรวจสภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมที่หมู่บ้านจตุรโชค ซึ่งพบว่า ระดับน้ำท่วมเริ่มลดลงแล้ว จากนั้น ได้เดินทางไปเยี่ยมชาวศรีสะเกษที่ถูกน้ำท่วมบ้าน และได้อพยพมาพักอยู่ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ศรีสะเกษ พร้อมทั้งได้มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ด้วย

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.ศรีสะเกษ หากไม่มีพายุฝนเข้ามาเติมน้ำอีก คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ว ๆ นี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของ จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษในอนาคตนั้น จะมี 2 แนวทาง คือ 1. สร้างผนังกั้นน้ำตลอดลำน้ำห้วยสำราญ และลำน้ำมูลที่ไหลผ่านเมืองศรีสะเกษ 2. สร้างผนังกั้นน้ำเฉพาะรอบเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ซึ่งแนวทางที่ 2 มีความเป็นไปได้ เพราะว่าพื้นที่ไม่กว้างจนเกินไป ซึ่งในทางที่ 1 ระยะทางจะยาวมาก แต่ว่าเรื่องนี้ก็คงจะต้องมีคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากันอย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบว่าจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และตนขอฝากถึงประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ ว่า รัฐบาลนำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนชาวศรีสะเกษ และชาวไทยทั่วประเทศที่ถูกน้ำท่วมทุกคน และได้สั่งการให้ทุกส่วนราชการที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องให้ลงไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้อย่างเต็มที่

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า น้ำท่วมในครั้งนี้มีหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และหลังจากน้ำท่วมลดลงแล้ว ตนจะได้สั่งการให้ทำการสำรวจถนนหนทาง รวมทั้งสะพานต่าง ๆ ที่ชำรุด เพื่อจะได้ทำการซ่อมแซมให้สามารถใช้การได้เช่นเดิมโดยด่วน ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องใช้เงินจำนวนหลายพันล้านบาทด้วยกัน แต่ว่าก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่จะใช้ถนนในการสัญจรไปมาให้สะดวกสบายเช่นเดิม โดยจะเริ่มทำการสำรวจถนนที่ชำรุดในเร็ว ๆ นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น