คู่รักจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง -สมรสทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จำนวน 34 คู่ ประกอบพิธีทำบุญตักบาตร ในวันมาฆบูชา และจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง อย่างยิ่งใหญ่ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
วันที่ (14 ก.พ. ) เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์คชศึกษาบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา หรือวัน วันจาตุรงคสันนิบาต วันสำคัญทางพระพุทธสาสนา เป็นวันที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทพระปาฎิโมกข์ และ เป็น วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ,องค์การบริหารส่วนตำบลกระโพ ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ (ททท.สุรินทร์ )ชาวบ้านตากลาง ได้จัดกิจกรรม "จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง” วันวาเลนไทน์ และทำบุญตักบาตร ในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ซึ่งเป็นวันเดียวกัน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีนายถาวร กุลโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานจัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ในปีนี้มีคู่บ่าวสาว ชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง จำนวน 34 คู่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ และเสริมสร้างความอบอุ่น ความเข้มแข็ง ความผูกพันของคู่สามี ภรรยา ให้แน่นเฟ้นมากยิ่งขึ้น
สำหรับพิธีแต่งงานแบบชาวกวยหรือพิธีซัตเต ของชาวพื้นเมืองสุรินทร์ มีการประกอบพิธีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตั้งแต่งการแต่งกายของเจ้าบ่าวจะต้องนุ่งโสร่งไหม เสื้อแขนยาวสีขาว ผ้าไหมพาดบ่า พร้อมด้ายมงคลสามสีสวมศีรษะ ( ด้ายสีแดง ขาว น้ำเงินและทาด้วยข้าวเหนียว ) เจ้าสาวต้องนุ่งผ้าไหมซิ่นลายกวย เสื้อแขนกระบอกสีอ่อน ( ขาว ครีม หรือชมพู ) พาดด้วยสไบสีแดง และศีรษะสวม "จะลอม” (มงกุฎที่ทำจากใบตาล) เจ้าบ่าวจัดขบวนขันหมากช้างไปรับเจ้าสาว ก่อนจูงมือกันเข้าประกอบพิธีตามลำดับ เริ่มจาก พิธีสวมด้ายมงคลบ่าวสาว บายศรีสู่ขวัญและพิธีถอดคางไก่เสี่ยงทายชีวิตคู่บ่าวสาว โดยหมอพราหมณ์ รวมถึงเลี้ยงบุฟเฟ่ต์อาหารช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล และการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนเดินทางไปยังบริเวณวังทะลุ (ที่ลำน้ำชีและลำน้ำมูลไหลมาบรรจบกัน) เพื่อบอกกล่าวศาลปู่-ตา ให้รับทราบถึงการครองคู่เป็นสามีภรรยากัน คู่รักที่สนใจร่วมจดทะเบียนบนหลังช้างและพิธีซัตเต
อย่างไรก็ตาม คู่บ่าวทุกคู่ทีจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง จะได้รับใบทะเบียนสมรสที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมทั้งของที่ระลึกที่เป็นรูปช้าง ที่สวยงาม และไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และได้ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ละลึกครั้งหนึ่งในชีวิตของการสมรส ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก
วันที่ (14 ก.พ. ) เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์คชศึกษาบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา หรือวัน วันจาตุรงคสันนิบาต วันสำคัญทางพระพุทธสาสนา เป็นวันที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทพระปาฎิโมกข์ และ เป็น วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ,องค์การบริหารส่วนตำบลกระโพ ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ (ททท.สุรินทร์ )ชาวบ้านตากลาง ได้จัดกิจกรรม "จดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง” วันวาเลนไทน์ และทำบุญตักบาตร ในวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ซึ่งเป็นวันเดียวกัน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีนายถาวร กุลโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานจัดกิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ในปีนี้มีคู่บ่าวสาว ชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง จำนวน 34 คู่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ และเสริมสร้างความอบอุ่น ความเข้มแข็ง ความผูกพันของคู่สามี ภรรยา ให้แน่นเฟ้นมากยิ่งขึ้น
สำหรับพิธีแต่งงานแบบชาวกวยหรือพิธีซัตเต ของชาวพื้นเมืองสุรินทร์ มีการประกอบพิธีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ตั้งแต่งการแต่งกายของเจ้าบ่าวจะต้องนุ่งโสร่งไหม เสื้อแขนยาวสีขาว ผ้าไหมพาดบ่า พร้อมด้ายมงคลสามสีสวมศีรษะ ( ด้ายสีแดง ขาว น้ำเงินและทาด้วยข้าวเหนียว ) เจ้าสาวต้องนุ่งผ้าไหมซิ่นลายกวย เสื้อแขนกระบอกสีอ่อน ( ขาว ครีม หรือชมพู ) พาดด้วยสไบสีแดง และศีรษะสวม "จะลอม” (มงกุฎที่ทำจากใบตาล) เจ้าบ่าวจัดขบวนขันหมากช้างไปรับเจ้าสาว ก่อนจูงมือกันเข้าประกอบพิธีตามลำดับ เริ่มจาก พิธีสวมด้ายมงคลบ่าวสาว บายศรีสู่ขวัญและพิธีถอดคางไก่เสี่ยงทายชีวิตคู่บ่าวสาว โดยหมอพราหมณ์ รวมถึงเลี้ยงบุฟเฟ่ต์อาหารช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล และการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนเดินทางไปยังบริเวณวังทะลุ (ที่ลำน้ำชีและลำน้ำมูลไหลมาบรรจบกัน) เพื่อบอกกล่าวศาลปู่-ตา ให้รับทราบถึงการครองคู่เป็นสามีภรรยากัน คู่รักที่สนใจร่วมจดทะเบียนบนหลังช้างและพิธีซัตเต
อย่างไรก็ตาม คู่บ่าวทุกคู่ทีจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง จะได้รับใบทะเบียนสมรสที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมทั้งของที่ระลึกที่เป็นรูปช้าง ที่สวยงาม และไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และได้ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ละลึกครั้งหนึ่งในชีวิตของการสมรส ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก
อุทัย มานาดี / รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น