ชาวนาจังหวัดสุรินทร์ ช้างไม่รอเงินจำนำข้าวหันปลูก”แตงโม”ขายประทังชีวิตช่วงหน้าแล้ง
วันที่ 14 ก.พ.57 ขณะนี้เกษตรกร บ้านหนองคู ม.4 ต.คาลาแมะ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ และเกษตรกรชาวอ.สนม และอำเภอรัตนบุรี กว่า 100 ครัวเรือน หลังเสร็จฤดูการทำนาได้หันมาปลูกแตงโมพันธุ์กินรี พืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย ใช้เวลาปลูกเพียง 60 วันหรือ 2 เดือนเท่านั้น ก็ขายเป็นรายได้เสริมช่วงหน้าแล้ง แทนการเพาะปลูกข้าวนาปรังที่ใช้น้ำมาก เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำและผลผลิตเสียหาย โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้าจากทั้งในและต่างจังหวัดมารับซื้อถึงสวน เฉลี่ยไร่ละ 8,000-10,000 บาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมช่วงหน้าแล้งให้กับเกษตรกร หรือบางรายนำมาวางขายสองข้างทางบริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 31ถนนศีขรภูมิ-รัตนบุรี ทั้งยังเป็นการลดปัญหาการอพยพเคลื่อนย้ายออกไปขายแรงงานยังต่างถิ่นได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
นางบุญซ้อน พนาริน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 บ้านหนองคู ม.4 ต.คาลาแมะ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนปลูกแตงโมงแล้วนำมาวางจำหน่ายในราคาถุงละ 20 บาท ขายดีแทบทุกวันทำให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว แม้ว่าจะยังไม่ได้รับเงินตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทำให้ตนและครอบครัวไม่ได้รับความเดือดร้อน และคิดว่าเมื่อถึงเวลารัฐบาลก็จะนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาเอง อยากฝากถึงเพื่อนชาวนาว่า หลังฤดูการทำนาแล้วอยากให้หันมาปลูกพืชหมุนเวียนระยะสั้น เช่น ปลูกแตงโม ข้าวโพด พริก ปีนี้ตนปลูกแตงโมง ข้าวโพดและพริก อย่างละ 3-4ไร่ ทุกปีก็จะขายได้เงินดีแต่ปีนี้แตงโมงถูกฝนทำให้เน่าทิ้งไปเยอะ
นายทองอิน พนาริน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่40 บ้านหนองคู ม.4 ต.คาลาแมะ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ต้นปลุกแตงโม พันธุ์นนทรีช้างดำ ปลูก 60 วันก็เก็บขายได้แล้ว ตนปลูก 3 ไร่ลงหมุนหมดไปหมื่นกว่าบาทเพราะเมล็ดพันธุ์แตงโมแพง กำไรปีนี้ไม่ต้องพูดถึงขอขายเอาแค่ทุน ตนคิดว่าเงินตามโครงการรับจำนำข้าว เมื่อรัฐบาลรับจำนำไปแล้วก็คงต้องหาเงินมาจ่ายให้ชาวนา ขอให้ชาวนาใจเย็นๆรอไปก่อน หันมาปลูกแตงโม ปลูกข้าวโพด หรือพืชพันธุ์อะไรก็ได้ที่ขายได้ หมุนวียนเมื่อเสร็จจากการทำนา นิดๆหน่อยๆให้พออยู่ได้
วันที่ 14 ก.พ.57 ขณะนี้เกษตรกร บ้านหนองคู ม.4 ต.คาลาแมะ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ และเกษตรกรชาวอ.สนม และอำเภอรัตนบุรี กว่า 100 ครัวเรือน หลังเสร็จฤดูการทำนาได้หันมาปลูกแตงโมพันธุ์กินรี พืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย ใช้เวลาปลูกเพียง 60 วันหรือ 2 เดือนเท่านั้น ก็ขายเป็นรายได้เสริมช่วงหน้าแล้ง แทนการเพาะปลูกข้าวนาปรังที่ใช้น้ำมาก เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำและผลผลิตเสียหาย โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้าจากทั้งในและต่างจังหวัดมารับซื้อถึงสวน เฉลี่ยไร่ละ 8,000-10,000 บาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมช่วงหน้าแล้งให้กับเกษตรกร หรือบางรายนำมาวางขายสองข้างทางบริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 31ถนนศีขรภูมิ-รัตนบุรี ทั้งยังเป็นการลดปัญหาการอพยพเคลื่อนย้ายออกไปขายแรงงานยังต่างถิ่นได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
นางบุญซ้อน พนาริน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 บ้านหนองคู ม.4 ต.คาลาแมะ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนปลูกแตงโมงแล้วนำมาวางจำหน่ายในราคาถุงละ 20 บาท ขายดีแทบทุกวันทำให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว แม้ว่าจะยังไม่ได้รับเงินตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทำให้ตนและครอบครัวไม่ได้รับความเดือดร้อน และคิดว่าเมื่อถึงเวลารัฐบาลก็จะนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาเอง อยากฝากถึงเพื่อนชาวนาว่า หลังฤดูการทำนาแล้วอยากให้หันมาปลูกพืชหมุนเวียนระยะสั้น เช่น ปลูกแตงโม ข้าวโพด พริก ปีนี้ตนปลูกแตงโมง ข้าวโพดและพริก อย่างละ 3-4ไร่ ทุกปีก็จะขายได้เงินดีแต่ปีนี้แตงโมงถูกฝนทำให้เน่าทิ้งไปเยอะ
นายทองอิน พนาริน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่40 บ้านหนองคู ม.4 ต.คาลาแมะ อ.ศีรขรภูมิ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ต้นปลุกแตงโม พันธุ์นนทรีช้างดำ ปลูก 60 วันก็เก็บขายได้แล้ว ตนปลูก 3 ไร่ลงหมุนหมดไปหมื่นกว่าบาทเพราะเมล็ดพันธุ์แตงโมแพง กำไรปีนี้ไม่ต้องพูดถึงขอขายเอาแค่ทุน ตนคิดว่าเงินตามโครงการรับจำนำข้าว เมื่อรัฐบาลรับจำนำไปแล้วก็คงต้องหาเงินมาจ่ายให้ชาวนา ขอให้ชาวนาใจเย็นๆรอไปก่อน หันมาปลูกแตงโม ปลูกข้าวโพด หรือพืชพันธุ์อะไรก็ได้ที่ขายได้ หมุนวียนเมื่อเสร็จจากการทำนา นิดๆหน่อยๆให้พออยู่ได้
อุทัย มานาดี / รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น