วันนี้ (๑๗ ก.ย.๕๖) เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จัดประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) โดยมีนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานการประชุม โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม จำนวน ๔๐ คน
นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ (กบร.) ในครั้งนี้ เป็นการประชุมชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ ของ (กบร.)จังหวัดบึงกาฬ และมีการพิจารณาข้อร้องเรียนขอความเป็นธรรมเรื่องปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร จำนวน ๓ กรณีด้วยกัน คือ กรณีราษฎรบ้านภูทรายทอง ม.๑๔ ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ จำนวน ๑๖ ราย ร้องขอให้สำรวจตรวจสอบ พิสูจน์การครอบครอง และรับรองสิทธิ์ เคยเข้าอยู่อาศัยทำกินพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บริเวณดานหนามแท่ง บ้านเทพมีชัย ปี ๒๕๑๔ และถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัวผลักดันออกจากพื้นที่ทำกินตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ มีความประสงค์ขอที่ดินทำกินคืน กรณีที่ ๒ ราษฎรบ้านบังบาตร ม. ๗ ต.ชัยพร อ.เมือง จ.บึงกาฬ ขอให้แก้ไขปัญหาเรื่อง สิทธิครอบครองในที่ดินทำกินของราษฎร จำนวน ๑๘ ราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธ์ไม้ป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งแต่เดิมราษฎรอ้างว่าเคยทำประโยชน์ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ป่าฯ) โดยเอาที่ดินทำกินของราษฎร ๑๘ ราย ไปดำเนินโครงการภายหลังได้ยกเลิกโครงการ ราษฎรอยากได้พื้นที่ทำกินของตนเองคืน และกรณีที่ ๓ ชาวบ้านตำบลชัยพรเคยเข้ามาทำกินในเขตป่าไม้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ ต่อมาปี ๒๕๒๗ ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขับไล่ออกจากพื้นที่ เพื่อปลูกสร้างสวนป่าไม้ประดู่ของสวนป่าบึงกาฬ (อ.อ.ป) ปัจจุบันมีการปลูกไม้ยางพารา จึงมีความประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของสวนป่าบึงกาฬ (อ.อ.ป.) ในส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการปลูกไม้ยางพาราให้ราษฎรได้อาศัยทำกิน ทั้ง ๓ กรณี คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ ได้พิจารณาร่วมกัน ได้ข้อสรุปคือ ข้อมูลรายละเอียดยังไม่ชัดเจน ในส่วนที่เกี่ยวข้องทางภาครัฐ ต้องหารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะพิจารณาหาข้อสรุปในการประชุม (กบร.) ครั้งต่อไป
นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้นายอำเภอ ทุกอำเภอ ได้สำรวจพื้นที่ ที่มีข้อพิพาท ระหว่างราษฎร กับรัฐ เพื่อที่จะได้พิจารณาดำเนินการแก้ไขโดยเร็วต่อไป
นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ (กบร.) ในครั้งนี้ เป็นการประชุมชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ ของ (กบร.)จังหวัดบึงกาฬ และมีการพิจารณาข้อร้องเรียนขอความเป็นธรรมเรื่องปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร จำนวน ๓ กรณีด้วยกัน คือ กรณีราษฎรบ้านภูทรายทอง ม.๑๔ ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ จำนวน ๑๖ ราย ร้องขอให้สำรวจตรวจสอบ พิสูจน์การครอบครอง และรับรองสิทธิ์ เคยเข้าอยู่อาศัยทำกินพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บริเวณดานหนามแท่ง บ้านเทพมีชัย ปี ๒๕๑๔ และถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัวผลักดันออกจากพื้นที่ทำกินตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ มีความประสงค์ขอที่ดินทำกินคืน กรณีที่ ๒ ราษฎรบ้านบังบาตร ม. ๗ ต.ชัยพร อ.เมือง จ.บึงกาฬ ขอให้แก้ไขปัญหาเรื่อง สิทธิครอบครองในที่ดินทำกินของราษฎร จำนวน ๑๘ ราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธ์ไม้ป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งแต่เดิมราษฎรอ้างว่าเคยทำประโยชน์ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (ภายหลังเปลี่ยนเป็นโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ป่าฯ) โดยเอาที่ดินทำกินของราษฎร ๑๘ ราย ไปดำเนินโครงการภายหลังได้ยกเลิกโครงการ ราษฎรอยากได้พื้นที่ทำกินของตนเองคืน และกรณีที่ ๓ ชาวบ้านตำบลชัยพรเคยเข้ามาทำกินในเขตป่าไม้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๓ ต่อมาปี ๒๕๒๗ ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขับไล่ออกจากพื้นที่ เพื่อปลูกสร้างสวนป่าไม้ประดู่ของสวนป่าบึงกาฬ (อ.อ.ป) ปัจจุบันมีการปลูกไม้ยางพารา จึงมีความประสงค์ขอเช่าพื้นที่ของสวนป่าบึงกาฬ (อ.อ.ป.) ในส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการปลูกไม้ยางพาราให้ราษฎรได้อาศัยทำกิน ทั้ง ๓ กรณี คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดบึงกาฬ ได้พิจารณาร่วมกัน ได้ข้อสรุปคือ ข้อมูลรายละเอียดยังไม่ชัดเจน ในส่วนที่เกี่ยวข้องทางภาครัฐ ต้องหารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะพิจารณาหาข้อสรุปในการประชุม (กบร.) ครั้งต่อไป
นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้นายอำเภอ ทุกอำเภอ ได้สำรวจพื้นที่ ที่มีข้อพิพาท ระหว่างราษฎร กับรัฐ เพื่อที่จะได้พิจารณาดำเนินการแก้ไขโดยเร็วต่อไป
ส.ปชส.บึงกาฬ/ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น