วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผอ.ลำตะคองโคราช ยืนยันน้ำในเขื่อนมีเพียงพอตลอดฤดูแล้ง แนะเกษตรกรไม่ต้องปิดกั้นน้ำเพื่อการเกษตร

วันนี้ (26 ก.พ.57)  ที่ห้องประชุมสำนักงานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมานายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคองจังหวัดนครราชสีมา เรียกประชุมหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ เขื่อนระบายน้ำในลุ่มน้ำลำตะคองทั้ง 12 แห่ง เพื่อประเมินสถานการณ์ภัยแล้งและวางแนวทางในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคอง พร้อมเปิดเผยถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนละตะคอง ว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคอง มีทั้งสิ้น 240 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 76 เปอร์เซ็นต์ ของความจุ 314 ล้าน ลบ.ม. ในแต่ละวันจะมีการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ ประมาณ 1 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน หรือ 12 ลบ.ม. ต่อวินาที สำหรับการจัดสรรน้ำมีการบริหารจัดการ 4 ส่วน ประกอบด้วย ด้านอุปโภค-บริโภค ด้านโรงงานอุตสาหกรรม ด้านการเกษตร และด้านระบบนิเวศน์ ทั้งนี้น้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคในพื้นที่ 5 อำเภอลุ่มน้ำลำตะคอง ประกอบด้วย อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมือง และอ.เฉลิมพระเกียรติ นั้น ยืนยันว่ามีน้ำใช้ตลอดช่วงดูแล้งนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำในช่วงนี้มีปริมาณมากกว่าในช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา ส่วนน้ำทีใช้ในการเกษตรทางเขื่อนได้มีการวางแผนการปล่อยน้ำเพื่อการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งไว้ จำนวน 100,000 ไร่ จากพื้นที่ที่อยู่ในโครงการทั้งหมด 150,000 ไร่ เพื่อเป็นการชดเชยพื้นที่บางส่วนที่ผลผลิตเสียหายและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากพายุนารีในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นการชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคอง

นายกิติกุล กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการระบายน้ำของเขื่อนลำตะคองสู่เขื่อนระบายน้ำต่างๆ คือสิ่งก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำที่สร้างไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 30 แห่ง ตลอดลุ่มน้ำ อย่างไรก็ตามอยากฝากไปถึงประชาชนและพี่น้องเกษตรที่อาศัยอยู่2ฝั่งลุ่มน้ำลำตะคองว่า อย่าสร้างสิ่งกีดขวางหรือปิดกั้นทางน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร ทางเขื่องมั่นใจว่าตลอดฤดูแล้งนี้น้ำภายในเขื่อนมีเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต่อปิดกั้นทางน้ำ เพื่อประโยชน์ตัวเองฝ่ายเดียว ควรแบ่งปันผู้ที่อาศัยในพื้นที่ปลายน้ำด้วย ซึ่งหากจะต้องใช้น้ำควรที่จะใช้น้ำตามหลักเกณฑ์และวิธีที่ทางจังหวัดหรือทางเขื่อนแนะนำ นายกิติกุล กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น