นางจิระภา ดวงดี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า วันแรงงานสากล นั้น ในปี พ.ศ. 2433 AFL (American Federation of Labour) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา จำกัดชั่วโมงการทำงานให้คงเหลือวันละไม่เกิน 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละไม่เกิน 48 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องระบบสามแปดทั่วโลก คือ ทำงาน 8 ชั่วโมง ศึกษา 8 ชั่วโมง และพักผ่อน 8 ชั่วโมง ต่อมาได้มีการประชุม International Socialist Congress ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ประชุมได้มีมติสนับสนุนข้อเรียกร้องของ AFL และกำหนดให้สหภาพแรงงานต่างๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา จัดชุมนุมเดินขบวนพร้อมกันในวันที่ 1 พฤษภาคม 2433 จากการชุมนุมดังกล่าวสามารถเรียกร้องได้ระบบสามแปด ทำให้กรรกรในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันกรรมกรสากลเป็นต้นมา แต่สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนนาดา ได้กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนกันยายนเป็นวันแรงงาน ซึ่งวัตถุประสงค์ของวันแรงงานที่นานาประเทศกำหนดขึ้น เพื่อเป็นวันเตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึงผู้ใช้แรงงาน ที่ได้ประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศและการฉลองวันแรงงานทั่วๆไป จะไม่นิยมแสดงออกทางการเมือง เว้นแต่ในประเทศที่มีการปกครองในระบบคอมมิวนิสต์บางประเทศ
สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ ได้กล่าวอีกว่า ส่วนวันแรงงานในประเทศไทยนั้น มีความเป็นมา คือ การจัดงานฉลองวันแรงงานแห่งชาติในประเทศไทยครั้งแรกได้มีการจัดงานในปี พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นปีที่ผู้ใช้แรงงานเริ่มเคลื่อนไหวรวมตัวก่อตั้งเป็นสมาคม จนกระทังได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 เมษายน 2499 ให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ (ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นวันแรงงานแห่งชาติ) และเมื่อปี พ.ศ. 2500 พระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 ประกาศใช้บังคับ ซึ่งได้มีบทบัญญัติให้ลูกจ้าง มีสิทธิหยุดงานประจำปีในวันแรงงานแห่งชาติได้ คือ วันที่ 1 พฤษภาคม และการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติของลูกจ้างก็มิได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น พ.ศ. 2491-2499 และ พ.ศ. 2502-2512 เนื่องจากบรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย เพราะมีเวลาปฏิวัติ เช่น การปฏิวัติเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2490 และการปฏิวัติเมื่อเดือนตุลาคม 2501 หัวหน้าคณะปฏิวัติ คือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 เป็นผลให้การฉลองวันแรงงานสิ้นสุดลงเป็นเวลายาวนาน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา จึงได้จัดงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเงินบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ปี พ.ศ. 2522 ผู้ใช้แรงงานได้เตรียมการจัดงานเป็นหลายกลุ่ม โดยขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงานจากรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการรักษาพระนครและเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหากดไทยในขณะนั้น ได้มอบหมายให้พลตรีระวี วันเพ็ญ เป็นผู้แทนในการประสานงานกับกรมแรงงาน และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมกรอำนวยการจัดงานจากส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและประสานงานเพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงานเป็นจำนวนถึง 400,000 บาท(สี่แสนบาทถ้วน)
นางจิระภา ดวงดี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่ออีกว่า ดังนั้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 – ปัจจุบัน ผู้ใช้แรงงานได้จัดงานในนาม "คณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ” โดยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานมาตลอด และกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ได้แต่งตั้ง "คณะกรรมการอำนวยการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ” ซึ่งประกอบด้วย ส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ โดยมีปลัดกระทรวงแรรงงานและสวัสดิการสังคมเป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้แรงงานเพื่อให้การจัดงานของผู้ใช้แรงงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งรูปแบบในการจัดงานนั้น การจัดงานในส่วนกลางผู้ใช้แรงงานจะขอใช้ท้องสนามหลวงเป็นสถานที่จัดงาน สำหรับส่วนภูมิภาคก็ได้มีการกระจายกันจัดในสถานที่ต่างๆ จังหวัดที่เคยมีการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ขอนแก่น หนองคาย อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต นราธิวาส เป็นต้น รูปแบบการจัดงานจะคล้ายคลึงกันทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค คือ มีการทำบุญตักบาตร จัดให้มีริ้วขบวนของผู้ใช้แรงงาน การแข่งขันกีฬาระหว่างผู้ใช้แรงงานการแสดงบันเทิงต่างๆ สำหรับงบประมาณในการจัดงานของส่วนภูมิภาค ส่วนหนึ่งจะขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ
สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ ได้กล่าวอีกว่า ส่วนวันแรงงานในประเทศไทยนั้น มีความเป็นมา คือ การจัดงานฉลองวันแรงงานแห่งชาติในประเทศไทยครั้งแรกได้มีการจัดงานในปี พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นปีที่ผู้ใช้แรงงานเริ่มเคลื่อนไหวรวมตัวก่อตั้งเป็นสมาคม จนกระทังได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 เมษายน 2499 ให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันกรรมกรแห่งชาติ (ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นวันแรงงานแห่งชาติ) และเมื่อปี พ.ศ. 2500 พระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 ประกาศใช้บังคับ ซึ่งได้มีบทบัญญัติให้ลูกจ้าง มีสิทธิหยุดงานประจำปีในวันแรงงานแห่งชาติได้ คือ วันที่ 1 พฤษภาคม และการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติของลูกจ้างก็มิได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น พ.ศ. 2491-2499 และ พ.ศ. 2502-2512 เนื่องจากบรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย เพราะมีเวลาปฏิวัติ เช่น การปฏิวัติเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2490 และการปฏิวัติเมื่อเดือนตุลาคม 2501 หัวหน้าคณะปฏิวัติ คือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 เป็นผลให้การฉลองวันแรงงานสิ้นสุดลงเป็นเวลายาวนาน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา จึงได้จัดงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเงินบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ปี พ.ศ. 2522 ผู้ใช้แรงงานได้เตรียมการจัดงานเป็นหลายกลุ่ม โดยขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงานจากรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการรักษาพระนครและเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหากดไทยในขณะนั้น ได้มอบหมายให้พลตรีระวี วันเพ็ญ เป็นผู้แทนในการประสานงานกับกรมแรงงาน และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมกรอำนวยการจัดงานจากส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและประสานงานเพื่อให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงานเป็นจำนวนถึง 400,000 บาท(สี่แสนบาทถ้วน)
นางจิระภา ดวงดี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่ออีกว่า ดังนั้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 – ปัจจุบัน ผู้ใช้แรงงานได้จัดงานในนาม "คณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ” โดยรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานมาตลอด และกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ได้แต่งตั้ง "คณะกรรมการอำนวยการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ” ซึ่งประกอบด้วย ส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ โดยมีปลัดกระทรวงแรรงงานและสวัสดิการสังคมเป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้แรงงานเพื่อให้การจัดงานของผู้ใช้แรงงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งรูปแบบในการจัดงานนั้น การจัดงานในส่วนกลางผู้ใช้แรงงานจะขอใช้ท้องสนามหลวงเป็นสถานที่จัดงาน สำหรับส่วนภูมิภาคก็ได้มีการกระจายกันจัดในสถานที่ต่างๆ จังหวัดที่เคยมีการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ขอนแก่น หนองคาย อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต นราธิวาส เป็นต้น รูปแบบการจัดงานจะคล้ายคลึงกันทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค คือ มีการทำบุญตักบาตร จัดให้มีริ้วขบวนของผู้ใช้แรงงาน การแข่งขันกีฬาระหว่างผู้ใช้แรงงานการแสดงบันเทิงต่างๆ สำหรับงบประมาณในการจัดงานของส่วนภูมิภาค ส่วนหนึ่งจะขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
สุรศักดิ์ สร้อยเพชร / ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น