กระทรวงสาธารณสุขตั้งศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งในภาคอีสานเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ รพ.ขอนแก่น และ รพ.ร้อยเอ็ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. และคณะ เดินทางไปตรวจราชการที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อติดตามระบบการจัดบริการของเขตบริการสุขภาพที่ 7 ซึ่งประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และมหาสารคาม จากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ พบว่าในเขตบริการสุขภาพที่ 7 มีความก้าวหน้าในการบริหารและจัดระบบบริการดูแลประชาชน เชื่อมโยงการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยร่วมกัน ระหว่างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ลงไปถึงระดับเล็กสุด คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ภายในเขตสุขภาพ และภายในจังหวัดเดียวกัน ที่สำคัญได้ใช้ข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย นำไปสู่การจัดระบบการแก้ไขป้องกันในระดับพื้นที่ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยด้วย เช่น โรคมะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนในเขตสูงเป็นอันดับ 1 ป่วยรายใหม่ปีละ 5,000-6,000 ราย ที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี รองลงมา คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปอด ผู้ป่วย 1 ใน 3 ไปพบแพทย์ เมื่อเซลล์มะเร็งลุกลามไปแล้ว ทำให้โอกาสการมีชีวิตรอดสั้นลง ที่ผ่านมาในพื้นที่ดังกล่าว มีศูนย์เชี่ยวชาญรักษาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และที่ จ.อุบลราชธานี ทำให้ผู้ป่วยต้องรอคิวรักษานาน โดยเฉพาะการฉายแสง เฉลี่ยรายละ 6-8 เดือน บางรายอาจไม่ทันการ
จึงได้วางแผนจัดบริการเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการเร็วขึ้นและใกล้บ้าน โดยเพิ่มศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งทุกชนิด 2 แห่ง คือ ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เปิดบริการตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดซื้อเครื่องฉายแสงรักษา วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งและให้บริการสมบูรณ์แบบประมาณเตือน ต.ค. 2557 และแห่งที่ 2 คือ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งเน้นความเชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นพิเศษ จะส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการรวดเร็วขึ้น รอคิวฉายแสงไม่เกิน 1 เดือน ทางด้าน นพ.วชิระ กล่าวว่า เรื่องโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงสนพระทัยโรคมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาวดิบ และให้มีความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมทั้งการศึกษาวิจัยโรคมะเร็งตับเพื่อการป้องกันในระยะยาวต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. และคณะ เดินทางไปตรวจราชการที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อติดตามระบบการจัดบริการของเขตบริการสุขภาพที่ 7 ซึ่งประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และมหาสารคาม จากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ พบว่าในเขตบริการสุขภาพที่ 7 มีความก้าวหน้าในการบริหารและจัดระบบบริการดูแลประชาชน เชื่อมโยงการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยร่วมกัน ระหว่างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ลงไปถึงระดับเล็กสุด คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ภายในเขตสุขภาพ และภายในจังหวัดเดียวกัน ที่สำคัญได้ใช้ข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย นำไปสู่การจัดระบบการแก้ไขป้องกันในระดับพื้นที่ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยด้วย เช่น โรคมะเร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนในเขตสูงเป็นอันดับ 1 ป่วยรายใหม่ปีละ 5,000-6,000 ราย ที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี รองลงมา คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปอด ผู้ป่วย 1 ใน 3 ไปพบแพทย์ เมื่อเซลล์มะเร็งลุกลามไปแล้ว ทำให้โอกาสการมีชีวิตรอดสั้นลง ที่ผ่านมาในพื้นที่ดังกล่าว มีศูนย์เชี่ยวชาญรักษาที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และที่ จ.อุบลราชธานี ทำให้ผู้ป่วยต้องรอคิวรักษานาน โดยเฉพาะการฉายแสง เฉลี่ยรายละ 6-8 เดือน บางรายอาจไม่ทันการ
จึงได้วางแผนจัดบริการเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการเร็วขึ้นและใกล้บ้าน โดยเพิ่มศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งทุกชนิด 2 แห่ง คือ ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เปิดบริการตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดซื้อเครื่องฉายแสงรักษา วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งและให้บริการสมบูรณ์แบบประมาณเตือน ต.ค. 2557 และแห่งที่ 2 คือ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งเน้นความเชี่ยวชาญรักษาโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นพิเศษ จะส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการรวดเร็วขึ้น รอคิวฉายแสงไม่เกิน 1 เดือน ทางด้าน นพ.วชิระ กล่าวว่า เรื่องโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงสนพระทัยโรคมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาวดิบ และให้มีความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมทั้งการศึกษาวิจัยโรคมะเร็งตับเพื่อการป้องกันในระยะยาวต่อเนื่อง
ข่าว/พิมพ์ นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น