จังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ได้ส่งเสริมพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว “มาสุรินทร์ เที่ยวได้ทุกวัน” โดยพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายใต้แนวคิดของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมาเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ตลอดปี และในเดือนกรกฎาคม 2556 จังหวัดสุรินทร์ได้จัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง จังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2556 โดยมีแนวคิดจากจังหวัดสุรินทร์เป็นดินแดนที่มีการเลี้ยงช้างมากที่สุดในประเทศไทย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายว่าเป็นเมืองช้าง ซึ่งช้างในจังหวัดสุรินทร์ถูกเลี้ยงเป็นช้างบ้าน มีการปฏิบัติต่อช้างเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ใช้ช้างร่วมประเพณีและพิธีกรรมสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเมืองสุรินทร์จนถึงปัจจุบัน จึงได้นำช้างมาร่วมในขบวนแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างเป็นครั้งแรกในปี 2550 และได้จัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จากความสำคัญดังกล่าวจังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ จัดงานประเพณีมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างจังหวัดสุรินทร์ประจำปี 2556 ขึ้น ระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2556 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ และบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง
การจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างจังหวัดสุรินทร์ประจำปี 2556 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว และเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของประชาชนชาวไทยให้ดำรงสืบไป
โดยวันที่ 20 กรกฎาคม 2556 เวลา 16.00 น. จะมีขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากวัดกลางสุรินทร์ ไปยังสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานบนมณฑป และเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ
วันที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 09.00น. เป็นต้นไป จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย นิทรรศการทางศาสนา การประกวดโต๊ะหมู่บูชา สาธิตการแกะสลักเทียน นิทรรศการภาพถ่าย การสมโภชน์ต้นเทียน และการเวียนเทียนสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์
จากนั้น เวลา 17.00น. นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่เทียนพรรษา ต่อด้วยขบวนช้าง 86 เชือก ที่ตกแต่งสวยงาม ยิ่งใหญ่ตระการตา ประดับด้วยไฟสวยงามตื่นตาตื่นใจ ร่วมขบวนแห่จากบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เคลื่อนขบวนไปตามถนนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ สิ้นสุดที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์
และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ขอเชิญร่วมพิธีตักบาตรบนหลังช้างแห่งเดียวในโลก ณ ลานอุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ด้านนายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การนำช้างร่วมขบวนแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการสืบทอดความสัมพันธ์ระหว่างช้างกับพระพุทธศาสนา เพราะในอดีตเมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาที่ป่าเลไลก์นั้น ช้างป่าลิไลก์ได้ถวายการปรนนิบัติต่อพระพุทธองค์โดยการหาผลไม้มาถวายทุก ๆ เช้า และทุกเย็นก็จะต้มน้ำร้อนถวายโดยใช้วิธีกลิ้งหินที่มีความร้อนให้ตกลงไปในแอ่งน้ำ ดังนั้นการนำช้างมาร่วมขบวนแห่เทียนพรรษาในปีนี้ จึงเป็นการสืบทอดความสัมพันธ์ระหว่างช้างกับพระพุทธศาสนาอีกครั้ง ซึ่งช้างที่มาร่วมในขบวนและร่วมในพิธีตักบาตรบนหลังช้างส่วนหนึ่งเป็นช้างที่มาจากโครงการนำช้างคืนถิ่นเพื่อพัฒนาสุรินทร์บ้านเกิด ที่อยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ทั้งสิ้น
จังหวัดสุรินทร์จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนานิกชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมทำบุญครั้งยิ่งใหญ่กับชาวสุรินทร์ พบกับความยิ่งใหญ่องลังการของขบวนแห่เทียนพรรษา วันที่ 21 กรกฎาคม 2556 และร่วมพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้างหนึ่งเดียวในโลกในเช้าวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 ณ บริเวณอุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 86 พรรษาในปีนี้
การจัดงานมหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างจังหวัดสุรินทร์ประจำปี 2556 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว และเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของประชาชนชาวไทยให้ดำรงสืบไป
โดยวันที่ 20 กรกฎาคม 2556 เวลา 16.00 น. จะมีขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากวัดกลางสุรินทร์ ไปยังสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานบนมณฑป และเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ
วันที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 09.00น. เป็นต้นไป จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย นิทรรศการทางศาสนา การประกวดโต๊ะหมู่บูชา สาธิตการแกะสลักเทียน นิทรรศการภาพถ่าย การสมโภชน์ต้นเทียน และการเวียนเทียนสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์
จากนั้น เวลา 17.00น. นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่เทียนพรรษา ต่อด้วยขบวนช้าง 86 เชือก ที่ตกแต่งสวยงาม ยิ่งใหญ่ตระการตา ประดับด้วยไฟสวยงามตื่นตาตื่นใจ ร่วมขบวนแห่จากบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เคลื่อนขบวนไปตามถนนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ สิ้นสุดที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์
และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ขอเชิญร่วมพิธีตักบาตรบนหลังช้างแห่งเดียวในโลก ณ ลานอุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ด้านนายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การนำช้างร่วมขบวนแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการสืบทอดความสัมพันธ์ระหว่างช้างกับพระพุทธศาสนา เพราะในอดีตเมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาที่ป่าเลไลก์นั้น ช้างป่าลิไลก์ได้ถวายการปรนนิบัติต่อพระพุทธองค์โดยการหาผลไม้มาถวายทุก ๆ เช้า และทุกเย็นก็จะต้มน้ำร้อนถวายโดยใช้วิธีกลิ้งหินที่มีความร้อนให้ตกลงไปในแอ่งน้ำ ดังนั้นการนำช้างมาร่วมขบวนแห่เทียนพรรษาในปีนี้ จึงเป็นการสืบทอดความสัมพันธ์ระหว่างช้างกับพระพุทธศาสนาอีกครั้ง ซึ่งช้างที่มาร่วมในขบวนและร่วมในพิธีตักบาตรบนหลังช้างส่วนหนึ่งเป็นช้างที่มาจากโครงการนำช้างคืนถิ่นเพื่อพัฒนาสุรินทร์บ้านเกิด ที่อยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ทั้งสิ้น
จังหวัดสุรินทร์จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนานิกชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมทำบุญครั้งยิ่งใหญ่กับชาวสุรินทร์ พบกับความยิ่งใหญ่องลังการของขบวนแห่เทียนพรรษา วันที่ 21 กรกฎาคม 2556 และร่วมพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้างหนึ่งเดียวในโลกในเช้าวันที่ 22 กรกฎาคม 2556 ณ บริเวณอุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 86 พรรษาในปีนี้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการท่องเที่ยว อบจ.สุรินทร์ / ข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น