ผวจ.นครราชสีมา ขอความร่วมมือนายจ้าง
เมื่อมีลูกจ้าง/ผู้ประกันตน เข้า – ออกจากงาน
ให้รีบแจ้งต่อสำนักงานประกันสังคมภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
หากนายจ้างแจ้งล่าช้าจะส่งผลต่อลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
หรือได้รับล่าช้า แถมนายจ้างเองมีโทษทางกฎหมายทั้งจำทั้งปรับ
ดร.วินัย บัวประดิษฐ์
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า
ปัจจุบันพบว่ามีสถานประกอบการหลายแห่งในจังหวัดนครราชสีมาไม่ยอมแจ้งการ
เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง เช่น กรณีรับลูกจ้าง/ผู้ประกันตนเข้าทำงานใหม่
และมีบางรายลูกจ้างออกจากงานไปแล้ว
แต่นายจ้างไม่แจ้งขึ้นทะเบียนหรือแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนต่อ
สำนักงานประกันสังคมภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ทำให้ฐานข้อมูลของผู้ประกันตนไม่ถูกต้องเป็นปัจจุบัน
ส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกันตนไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
หรือได้รับประโยชน์ทดแทนล่าช้า
หรือเป็นเหตุให้สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรและ
กรณีว่างงานเกินสิทธิจำนวนมาก ดังนั้น
จึงขอความร่วมมือนายจ้างปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายกรณีมีลูกจ้าง/ผู้ประกัน
ตนเข้า - ออกจากงาน ดังนี้
- กรณีสถานประกอบการรับลูกจ้างเข้าทำงานใหม่
นายจ้างต้องแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามแบบ สปส. ๑-๐๓ และ สปส. ๑-๐๓/๑
กับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครราชสีมา ภายใน ๓๐ วัน
นับตั้งแต่วันที่รับลูกจ้างนั้นเข้าทำงาน
- กรณีมีผู้ประกันตนออกจากงาน
ให้นายจ้างแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน ตามแบบ สปส. ๖-๐๙
ไปยังสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครราชสีมา ภายในวันที่ ๑๕ ของเดือน
ถัดจากเดือนที่ลูกจ้างออกจากงาน
การที่นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมาย
ถือเป็นการคุ้มครองสิทธิให้แก่ลูกจ้าง/ผู้ประกันตน
และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกัน
สังคมอีกด้วย
หากนายจ้างยังละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือมีเจตนาไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด
ดังกล่าว จะถือว่านายจ้างมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน
ปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้านายจ้างยังคงกระทำเป็นความผิดต่อเนื่องต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามอีกด้วย
นายจ้างสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด
นครราชสีมา โทร. ๐๔๔ ๒๐๕๓๕๓ ได้ทุกวันเวลาราชการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น